กระเบื้องปูพื้นพอร์ซเลน เลือกอย่างไรให้เข้ากับห้อง

13 มิถุนายน 2022

กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องอีกหนึ่งประเภทที่ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่างทั้งสวยงาม ใช้งานสะดวก ปลอดภัย เหมาะกับการปูกระเบื้องในบริเวณต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกบ้าน โดย 24 FIX จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกระเบื้องพอร์ซเลนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้รู้ว่าพอร์ซเลนคืออะไร มีคุณสมบัติอะไรบ้าง รวมถึงจะเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ ในบ้านด้วย!

กระเบื้องพอร์ซเลน คืออะไร?

Porcelain Tile หรือกระเบื้องพอร์ซเลน คือ กระเบื้องเนื้อแน่นละเอียด ซึ่งผลิตขึ้นจากการผสมวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ทั้งดินพอร์ซเลน หรือดินขาว รวมเข้ากับแร่ชนิดอื่น ๆ เช่น แร่หินฟันม้า หินเขี้ยว ดินดำ เป็นต้น จากนั้นจะนำไปเผาไฟ โดยใช้อุณหภูมิที่สูงมากกว่า 1,200 องศาเซลเซียส ทำให้ได้กระเบื้องที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถเคลือบผิวหน้า ลงสี หรือวาดลวดลายลงไปได้ จึงนิยมใช้เป็นภาชนะสำหรับใส่อาหาร เช่น จาน ชาม แก้ว หรือชุดกาน้ำชา รวมถึงใช้ในการแต่งบ้านทั้งภายในและภายนอกได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีกระเบื้อง 
พอร์ซเลน ให้เลือก 2 รูปแบบ   

แบบตัดขอบตรง จะช่วยให้ร่องยาแนวมีความกว้างที่น้อยมาก โดยมีความกว้างเพียง 2 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่งผลให้ได้ผิวสัมผัสที่สวยงามและมีความเรียบเนียนกว่ากระเบื้องแบบอื่น ๆ มาก  

แบบไม่ตัดขอบ ตัวกระเบื้องจะบางกว่า และมีราคาต่ำกว่าแบบตัดขอบตรง แต่ขนาดร่องยาแนวจะไม่เล็กเท่ากับแบบตัดของตรงนั่นเอง   

ต่อไป 24 FIX ขอพาทุกคนไปรู้จักกระเบื้องพอร์ซเลนให้มากขึ้น ว่าโดยทั่วไปแล้วนอกจากแบบตัดขอบตรงและแบบไม่ตัดขอบ ตัวกระเบื้องชนิดนี้สามารถแบ่งได้เป็นกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างกันอย่างไรบ้าง  

ประเภทของกระเบื้องพอร์ซเลน  

1. กระเบื้องพอร์ซเลนแบบเคลือบผิวหน้า

กระเบื้องพอร์ซเลนแบบเคลือบผิวหน้า หรือเกลซพอร์ซเลน เป็นกระเบื้องมีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีการเคลือบสีหรือลวดลาย ตรงบริเวณผิวหน้าของกระเบื้อง โดยมีการปั๊มอัดองค์ประกอบ เพื่อขึ้นรูปกระเบื้อง จนได้กระเบื้องที่แข็งแรงทนทาน มีความละเอียด และเรียบเนียน   

โดยส่วนใหญ่แล้วตัวกระเบื้องมีความหนาอยู่ที่ 10 มิลลิเมตร ซึ่งมีจุดสังเกตอีกอย่างที่บริเวณขอบกระเบื้อง สามารถเห็นได้ถึงชั้นเคลือบสีและเนื้อกระเบื้องที่แยกตัวออกจากกันอย่างชัดเจน ฉะนั้นหากมีอะไรกระแทกอย่างรุนแรงเกินไปจนเกิดการสึก ก็อาจทำให้ทะลุและเห็นถึงชั้นกระเบื้องที่มีสีต่างกัน  

2. กระเบื้องพอร์ซเลนแบบเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น

กระเบื้องพอร์ซเลนแบบเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หรือที่เรียกว่า กระเบื้องแกรนิตโต้ เป็นกระเบื้องที่ต่างจากประเภทแรก คือ ไม่ได้เคลือบสีหรือลวดลายใด ๆ ที่บริเวณผิวหน้าของกระเบื้อง แต่ยังคงคุณสมบัติเด่นที่มีเนื้อละเอียดเรียบเนียนและแข็งแรงไว้อยู่  

โดยกระเบื้องแกรนิตโต้จะมีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำกว่ากระเบื้องเกลซพอร์ซเลน ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานในห้องน้ำหรือปูพื้นภายนอกมาก และแม้กระเบื้องประเภทนี้จะไม่เคลือบสี แต่ก็มีการผสมหินแกรนิตและ 
สีเซรามิกเข้าไป ทำให้จุดเด่นสำคัญอีกหนึ่งข้อ คือ ลวดลายที่ใกล้เคียงกับหินธรรมชาติ แต่มีน้ำหนักเบากว่าหินจริง  

คุณสมบัติของกระเบื้องพอร์ซเลน  

1. มีความแข็งแรงสูง

คุณสมบัติหลักของกระเบื้องพอร์ซเลน คือ มีความแข็งแรงและทนทานเป็นอย่างมาก ด้วยส่วนผสมจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทั้งดินขาวและแร่ธาตุมากมาย ซึ่งนำไปเผาไฟอุณหภูมิสูงกว่า 1,200 องศาเซลเซียส ทำให้กระเบื้องกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่กระเทาะหรือแตกหักง่าย รองรับการกระแทกได้ดีกว่ากระเบื้องทั่วไป ๆ  ส่งผลให้เป็นกระเบื้องประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างแพร่หลาย เนื่องจากดูแลรักษาได้ง่ายและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

2. ดูดซึมน้ำน้อย

กระเบื้องพอร์ซเลนยังมีคุณสมบัติสำคัญอีกข้อ คือ มีอัตราดูดซึมน้ำต่ำ เนื่องจากเนื้อกระเบื้องมีความหนาแน่นสูง และมีรูพรุนน้อย โดยมีอัตราการดูดซึมน้ำประมาณ 0.05% เท่านั้น ส่งผลดีให้ลดปัญหาเรื่องความชื้นได้มาก รวมถึงเมื่อโดนน้ำกระเบื้องก็จะไม่ลื่นเหมือนกระเบื้องทั่วไป และโอกาสในการเกิดคราบด่างที่เกาะติดบนพื้นผิวกระเบื้องก็น้อยตามลงไปด้วย จึงนิยมใช้ทั้งในห้องน้ำ ห้องครัว ลานจอดรถ หรือบริเวณที่มักเปียกน้ำเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะใช้งานได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลในเรื่องอุบัติเหตุ

3. มีสีสันและลวดลายหลากหลาย

อีกหนึ่งคุณสมบัติของกระเบื้องพอร์ซเลน คือ มีสีและลวดลายให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะพอร์ซเลนที่มีการเคลือบสีและลวดลายต่าง ๆ ไว้ที่ผิวหน้าของกระเบื้อง ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ลวดลายเกลซ 
หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นข้อดีอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการเลือกกระเบื้องปูพอร์ซเลน ให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่

4. ใช้ได้กับภายในและภายนอก

กระเบื้องพอร์ซเลนมีคุณสมบัติที่ดีหลายข้อ ทั้งแข็งแรงทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน ไม่ลื่นง่ายแม้เปียกน้ำ และยังมีสีสันให้เลือกมากมายด้วย ส่งผลให้เป็นกระเบื้องที่สามารถใช้ในการแต่งบ้าน ได้ทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นภายใน อย่างห้องน้ำหรือห้องครัว และภายนอก อย่างลานจอดรถ บริเวณสระน้ำ หรือสวน ซึ่งต่าง 
ก็เป็นบริเวณที่มีโอกาสเปียกน้ำอยู่เป็นประจำ จึงทำให้ช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ดี และเลือกให้เข้ากับบริเวณต่าง ๆ ได้ง่าย

วิธีการเลือกกระเบื้องพอร์ซเลนให้เหมาะกับห้องต่าง ๆ  

1. ห้องน้ำ

พื้นผิว: ห้องน้ำเป็นห้องที่มีน้ำเปียกพื้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะโซนอาบน้ำ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกกระเบื้องที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ เพื่อให้พื้นไม่ลื่นและไม่เป็นที่สะสมของความชื้น จนเกิดตะไคร่น้ำ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้  

ประเภทกระเบื้อง: ควรเลือกใช้กระเบื้องพอร์ซเลนแบบเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น เนื่องจากมีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำกว่า ส่วนโซนแห้งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้เปียกน้ำมากเท่าโซนอาบน้ำ จึงเลือกใช้เกลซพอร์ซเลนได้ หากต้องการให้ห้องมีสีสันและลวดลายที่สวยงาม  

สีสันและลวดลาย: สามารถเลือกกระเบื้องพอร์ซเลนที่มีสีสันหรือลวดลายได้ตามต้องการ แต่หากเป็นห้องน้ำที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก การเลือกกระเบื้องโทนสีอ่อนหรือโทนสีสว่าง จะช่วยให้ห้องน้ำดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น แต่หากเป็นห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่มาก การเลือกโทนสีเข้ม ก็จะช่วยพรางสายตาให้พื้นที่ดูทึบและไม่โล่งจนเกินไป  

ขนาด: ห้องน้ำที่มีขนาดเล็ก ควรเลือกใช้เป็นกระเบื้องขนาดเล็กเพื่อให้สัมพันธ์กับพื้นที่ที่มีอยู่ ซึ่งเลือกใช้ได้ตั้งแต่กระเบื้องขนาด 20x20 ถึง 50x50 เซนติเมตร จะได้ง่ายต่อการปูกระเบื้องและยังไม่ต้องตัดกระเบื้องที่เหลือทิ้งไปด้วย  

2. ห้องครัว

พื้นผิว: ห้องครัวเป็นอีกห้องที่มีโอกาสน้ำหกอยู่บ้าง ทั้งจากการทำอาหาร เครื่องดื่มต่าง ๆ ทำให้ควรเลือกใช้กระเบื้องที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำเช่นกัน และไม่ควรเลือกใช้กระเบื้องที่มีพื้นผิวมันหรือเงาจนเกินไป เพราะจะทำให้ลื่นและเกิดอุบัติเหตุได้  

ประเภทกระเบื้อง: เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเปียกน้ำอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มากเหมือนกับห้องน้ำ ทำให้เลือกใช้ได้ทั้งกระเบื้องแกรนิตโต้ที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ หรือหากต้องการสีสันและลวดลายที่สวยงาม ก็สามารถเลือกใช้เกลซพอร์ซเลนได้เช่นกัน  

สีสันและลวดลาย: ครัวเป็นพื้นที่สำหรับการประกอบอาหาร ทำให้มีโอกาสเกิดรอยเปื้อน หรือคราบสกปรกจากเศษอาหารได้ง่าย หากใช้กระเบื้องสีอ่อนลายเรียบจะทำให้เห็นคราบเหล่านั้นชัดเกินไป จึงควรเลือกใช้เป็นกระเบื้องพอร์ซเลนสีเข้มที่มีลวดลาย สามารถช่วยพรางรอยหรือคราบต่าง ๆ ได้ดีมาก   

ขนาด: พื้นที่ครัวสามารถเลือกใช้เป็นกระเบื้องแผ่นกลาง ๆ ที่มีขนาดตั้งแต่ 60x60 ถึง 100x100 เซนติเมตรได้ โดยเลือกขนาดให้สัมพันธ์และเหมาะสมกับพื้นที่ในห้อง ก็จะช่วยให้ปูกระเบื้องได้สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น  

3. ห้องนั่งเล่น

พื้นผิว: ห้องนั่งเล่นเป็นบริเวณที่เลือกใช้กระเบื้องได้หลายพื้นผิวตามความต้องการ อาจเลือกให้เป็นพื้นผิวที่มีสัมผัสสบายเท้า แต่หากมีเด็กหรือผู้สูงอายุอาศัยอยู่ภายในบ้านด้วย ควรคำนึงถึงพื้นผิวเป็นสำคัญ โดยให้เลือกพื้นผิวที่ไม่มันเงา เพื่อป้องกันการลื่นล้มและเกิดอันตรายขึ้น  

ประเภทกระเบื้อง: เนื่องจากเป็นห้องที่ใช้สำหรับการพักผ่อนในเวลาว่างของคนในครอบครัว และไม่ค่อยมีโอกาสเปียกน้ำมากนัก จึงสามารถเลือกใช้กระเบื้องได้หลากหลายชนิดตามความต้องการ ทั้งกระเบื้อง 
เกลซพอร์ซเลน หรือแกรนิตโต้ก็ได้ เพื่อให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งที่กำหนดเอาไว้  

สีสันและลวดลาย: ห้องนั่งเล่นเป็นอีกห้องที่สามารถเลือกกระเบื้องได้ตามสไตล์การตกแต่งที่ต้องการ เลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย ทั้งโทนสีอ่อนสบายตา เหมาะสำหรับสไตล์มินิมอล สแกนดิเนเวีย หรือโทนสีสดใส ลวดลายมาก ๆ ที่เหมาะสำหรับสไตล์แม็กซิมอล อาร์ตเดโค เป็นต้น  

ขนาด: หากเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่มีขนาดใหญ่ ก็ควรเลือกใช้เป็นกระเบื้องพอร์ซเลนขนาดใหญ่ตามไปด้วย เพื่อให้เข้ากับขนาดห้อง หากห้องมีขนาดใหญ่มาก สามารถใช้กระเบื้องแผ่นใหญ่พิเศษอย่าง 100x100 ถึง 120x120 เซนติเมตรได้เลยทีเดียว  

4. ห้องนอน

พื้นผิว: ห้องนอนควรคำนึงถึงความสะดวกสบายเป็นหลัก จึงควรเลือกใช้กระเบื้องที่มีพื้นผิวเรียบ สัมผัสสบายเท้า เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายมากที่สุด และอีกหนึ่งข้อสำคัญ คือ หากมีผู้สูงอายุหรือเด็ก ควรเลือกกระเบื้องที่มีพื้นผิวไม่มันหรือเงาเกินไป เพื่อให้เดินได้สะดวกพร้อมกับช่วยป้องกันอันตรายจากการลื่นด้วย  

ประเภทกระเบื้อง: ห้องนอนเป็นห้องที่ใช้สำหรับการนอนหลับพักผ่อน และไม่ได้มีการเปียกน้ำมากเหมือนในห้องน้ำ ดังนั้นในห้องนอนจึงสามารถเลือกใช้กระเบื้องได้หลากหลายชนิดตามความต้องการ ทั้งกระเบื้องพอร์ซเลนแบบเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หรือจะเป็นกระเบื้องแบบเคลือบผิวหน้าที่มีสีสันและลวดลายที่สวยงามก็ได้ เพื่อให้เข้ากับสไตล์การแต่งห้องได้อย่างลงตัว  

สีสันและลวดลาย: ห้องนอนควรเลือกเป็นกระเบื้องพอร์ซเลนที่มีโทนสีสบายตา และลวดลายน้อย ไม่จัดจ้านลายตาจนเกินไป ไม่ว่าจะการใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นโทนสีอ่อน สีเอิร์ธโทน เพื่อสร้างความผ่อนคลายในห้อง ให้ใช้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายมากที่สุด  

ขนาด: ห้องนอนสามารถใช้กระเบื้องที่มีขนาดไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป อย่างกระเบื้องขนาด 60x60 จนถึง 100x100 เซนติเมตร เพื่อให้ง่ายต่อการปูกระเบื้อง  

5. พื้นที่นอกบ้าน

พื้นผิว: พื้นที่นอกบ้านเป็นส่วนที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานเป็นหลัก เนื่องจากอาจเจอทั้งฝน หรือน้ำจากการล้างรถ รดน้ำต้นไม้ หรือกิจกรรมอื่น ๆ จึงต้องเลือกใช้กระเบื้องที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ และไม่มีความมันเงา เพื่อให้ปลอดภัยมากที่สุดนั่นเอง  

ประเภทกระเบื้อง: เนื่องจากพื้นที่บริเวณนอกบ้านมีโอกาสเปียกน้ำ จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมายทำให้ไม่ควรใช้กระเบื้องที่ลื่นง่าย แต่ต้องเลือกเป็นกระเบื้องที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำที่มาก อย่างกระเบื้องพอร์ซเลนแบบเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หรือแกรนิตโต้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัย  

สีสันและลวดลาย: บริเวณนอกบ้านมักเป็นลานจอดรถหรือสวน ดังนั้นในพื้นที่นี้นอกจากต้องใช้กระเบื้องไม่ลื่นง่ายแล้ว การเลือกสีสันและลวดลายของกระเบื้องให้มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึง กระเบื้องแกรนิตโต้จึงตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีสีและลายที่เหมือนกับหินจริง  

ขนาด: หากพื้นที่สวนหรือลานจอดรถนอกบ้านที่ขนาดกว้าง สามารถเลือกเป็นกระเบื้องพอร์ซเลนขนาดใหญ่ได้ เพื่อให้ขนาดกระเบื้องสัมพันธ์กับพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้ปูกระเบื้องได้สะดวกและง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังเพื่อช่วยเติมเต็มพื้นที่ให้ไม่รู้สึกลายตามากเกินไปด้วย  

กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องประเภทหนึ่ง ที่มีเหมาะสำหรับการใช้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน เนื่องจากมีความทนทาน ใช้งานได้อย่างนาน รวมถึงมีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุการจากลื่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสีสันและลวดลาย เลือกให้ตรงใจในสไตล์ที่ชอบได้   

หากต้องการปูกระเบื้องพอร์ซเลนใหม่ เพื่อให้บ้านสวยตามสไตล์ที่ต้องการ สามารถเข้าไปดูบริการได้ที่ 24 FIX ซึ่งมีบริการงานซ่อมบ้านครบวงจร สามารถเปลี่ยนงานซ่อมแซมให้เป็นเรื่องง่ายได้ ภายใน 5 ขั้นตอน พร้อมด้วยทีมช่างคุณภาพ ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการซ่อมบ้าน เพราะ 24 FIX บริการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ที่เดียว ครบ จบ ทุกเรื่องซ่อม

จุดเด่นของ 24 FIX
1. บริการประทับใจ  

ด้วยความใส่ใจของ 24 FIX ในการดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นบริการผ่านหน้าเว็บหรือแอปพลิเคชั่น ไปจนถึงการเข้าซ่อมแซมปัญหาต่าง ๆ ในบ้าน และท้ายสุด คือ การดูแลบริการหลังการขายให้ลูกค้าด้วย  

2. ราคาคุ้มค่า  

ด้วย 24 FIX มีการให้บริการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดี และพร้อมกับราคางานซ่อมที่ได้มาตรฐาน และที่สำคัญนั่นคือสามารถเชื่อถือได้ว่าและเป็นราคาที่คุ้มค่ากับคุณภาพของบริการอย่างแน่นอน  

3. ช่างผู้เชี่ยวชาญ เป็นมืออาชีพ  

อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ 24 FIX คือ ทีมงานช่างซ่อมด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานไฟฟ้า ประปา หลังคา ทาสี ปูกระเบื้อง และงานช่างด้านอื่น ๆ ซึ่งเป็นทีมงานที่มีประสิทธิภาพ ผ่านมาตรฐาน พร้อมการอบรมด้านการบริการและปฏิบัติอย่างมืออาชีพ  

4. วัสดุได้มาตรฐาน  

จุดเด่นท้ายสุดของ 24 FIX คือ ทีมช่างจะเลือกใช้เครื่องมือช่างคุณภาพดี ซึ่งสามารถใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพมากที่สุด พร้อมเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานพร้อมมีราคาที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน

#มือช่างที่คุณวางใจ  

#คิดซ่อมบ้านคิดถึง24FIX  

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่  

LINE : @24fix หรือ http://nav.cx/hFKUxZl  

Facebook Chat : m.me/24fixco  

☎ ศูนย์บริการสุขภาพบ้าน  

Call center : 02-114-7052 

บทความมาใหม่

    บทความยอดนิยม